จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

2,363

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561

กลองมโหระทึก...กลองโบราณคู่ประวัติศาสตร์

สวัสดีค่ะทุกท่าน  เจอกันอีกแล้วนะคะ  จากบล็อกที่ผ่าน ๆ มา เราได้พาทุกท่านไปท่องเที่ยวโบราณสถานในที่ต่าง ๆ กันมาเต็มอิ่มแล้ว แต่วันนี้! ...มาแปลกค่ะ "อะไรเอ่ย...โบราณคดี" จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ นั่นก็คือ "กลองมโหระทึก"  ผลผลิตจากวัฒนธรรมดองซอน  ประเทศเวียดนามนั่นเองค่ะ  เอาล่ะ  ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไปท่องโลกแห่งโบราณคดีไปพร้อมกันเลยยยย 😆😆


กลองมโหระทึก  วัฒนธรรมดองซอน
ที่มา : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/5f/Tambour-song-da2.jpg/350px-Tambour-song-da2.jpg


มโหระทึก  คืออะไร...?

"มโหระทึก"  ไม่ใช่คำไทยแท้  เป็นคำโบราณที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ แต่กร่อนเสียงจึงทำให้เสียงเพี้ยนไป จาก "มโหระทึก"  เหลือเพียง "หรทึก"  จัดเป็นเครื่องประโคมตีชนิดหนึ่งที่มีเสียงดังมาก ในกฎมณเฑียรบาลจึงบอกว่า "ขุนดนตรีหรทึก"  ในไตรภูมิบอกว่า "มโหระทึกกึกก้อง" 



"มโหระทึก"  เป็นกลองชนิดหนึ่งทำด้วยโลหะ  มีหน้าเดียว  ไม่ขึงหนังเหมือนกลองทั่ว ๆ ไป มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก  ตรงกลางคอดเล็กน้อย  ส่วนฐานจะกลวง  มีหูติดข้างตัวกลอง 2 คู่  สำหรับร้อยเชือกหามหรือแขวนกับหลัก  ที่หน้ากลองจะเป็นแผ่นเรียบ  บางวัฒนธรรมก็มีประติมากรรมกบบริเวณรอบหน้ากลอง 4 ทิศ เพื่อตีขอฝน  เพราะเชื่อกันว่า เสียงกลองเป็นเสมือนเสียงกบร้อง


กลองกบ
ที่มา : www.pralanna.com/boardpage.php?topicid=11717


กลองมโหระทึกนี้  ไทยเรานิยมใช้ตีประโคมทั้งงานราษฎร์  งานหลวงมาแต่โบราณ (ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงในไตรภูมิพระร่วงสมัยสุโขทัย) และในปัจจุบันนี้ยังใช้ประโคมตีร่วมกับแตรสังข์ในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น ในโอกาสที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตรา เป็นต้น




ความเป็นมาของกลองมโหระทึก

กลองมโหระทึกเป็นตัวแทนของอารยธรรมเริ่มแรกในภูมิภาคและเป็นวัฒนธรรมที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  การค้นพบกลองมโหระทึก  เป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความรู้และความสามารถด้านศิลปกรรมของคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 3,000 ปีมาแล้ว  และยังแสดงให้เห็นถึงการดำรงชีวิตที่มีความอุดมสมบูรณ์  จากลวดลายบนหน้ากลอง  เช่น  ลายปลา  ลายคลื่นน้ำ



มีงานเขียนของชาวตะวันตก  G.E.Rumphius และ E.C.Bacsolit  กล่าวถึงโบราณวัตถุสำริดนี้ในวัฒนธรรมดองซอนที่พบในอินโดนีเซีย  ล่วงมาถึงปี พ.ศ. 2445 Franz Heger ชาวออยเตรเลีย  เสนอความคิดว่า  กลองมโหระทึกนี้มีต้นกำเนิดมาจากทางตอนเหนืองของประเทศเวียดนาม  ซึ่งแนวความคิดนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจาก Bezacier ว่า กลองมโหระทึกนี้มีการผลิตครั้งแรกในวัฒนธรรมดองซอน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงกึ่งประวัติศาสตร์



วัฒนธรรมดองซอน (Dong Son culture)  เป็นวัฒนธรรมการทำโลหะสำริดระหว่าง 500 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช (พุทธศตวรรษที่ 1-5) วัฒนธรรมนี้พบครั้งแรกที่ดองซอนในจังหวัดธานหัว  ประเทศเวียดนาม  ลักษณะสำคัญของดองซอนคือการทำกลองมโหระทึกสำริด (Bronze Drum)  ซึ่งได้รับการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีและรูปแบบมาจากประเทศจีน  ในสมัยราชวงศ์จิวและราชวงศ์ฮั่น  และวัฒนธรรมดองซอนได้เผยแพร่เข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยสองเส้นทาง คือ เส้นทางแรก จะเป็นเส้นทางลุ่มแม่น้ำโขง ระหว่างลาวและกัมพูชา  และเส้นทางที่สอง  คือ การล่องลงไปทางใต้ทางชายฝั่งทะเลลงสู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยคาบสมุทรมลายูและหมู่เกาะอินโดนีเซีย





กลองมโหระทึกในประเทศไทย

กลองมโหระทึกในประเทศไทย  จากการสำรวจเบื้องต้นที่ผ่านมา (พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2545) ที่พบแล้วนำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติภูมิถาคต่าง ๆ ดังนี้

ภาคเหนือ - สำรวจพบ 8 รายการ ในจังหวัดอุตรดิตถ์  ตาก  สุโขทัย  และน่าน
ภาคกลาง - สำรวจพบ 6 รายการ ในจังหวัดตราด  ราชบุรี  และกาญจนบุรี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - สำรวจพบ 7 รายการ ในจังหวัด กาฬสินธุ์  มุกดาหาร  นครพนม  อุบลราชธานี  และเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว 1 รายการ


กลองมโหระทึก ที่ถูกค้นพบที่อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร
ที่มา : www.tavel2mukdahan.com/2012/12/ma-ho-ra-turk-drums-greatly.html


ภาคใต้ - สำรวจพบ 11 รายการ ในจังหวัด ชุมพร  สุราษฎร์ธานี  นครศรีธรรมราช  และสงขลา


วัตถุประสงค์ในการผลิตกลองมโหระทึก

1. ใช้เป็นเครื่องแสดงฐานะ  ความมั่งคั่ง
       แสดงถึงอำนาจ  ความเป็นผู้นำ และฐานะที่สูงส่ง

2. ใช้เป็นวัตถุสำคัญในการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย
      หากมีผู้ตาย จะต้องฝังกลองมโหระทึกไปในหลุม     ฝังศพ และ          นิยมตีเพื่อเรียกวิญญาณผู้ตาย

3. ใช้ตีเป็นสัญญาณในการสงคราม
        เป็นการข่มขวัญข้าศึกและสร้างความฮึกเหิมให้แก่ทหาร

4. ใช้ตีในพิธีกรรมขอฝน
       มีความเชื่อว่า เมื่อตีกลองมโหระทึกที่มีรูปกบหล่ออยู่ทั้ง 4 ทิศ             จะเป็นการเรียกฝนเมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง

5. ใช้ตีเพื่อการบำบัดโรคและขับไล่ภูติผี
       เป็นความเชื่อของกลุ่มชนเย่ห์ (Yueh) ที่เชื่อว่าเป็นการชุมนุม               เทวดา  สามารถบำบัดโรคภัยและความทุกข์ยากให้หมดสิ้นไปได้

6. ใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ 
       ใช้ตีตามงานมงคล  งานวัด  งานพระราชพิธี  และในโอกาสเกี่ยว          กับการเกษตร เพื่อผลผลิตทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์

รายละเอียดและลักษณะของกลองมโหระทึก


มีการตั้งข้อสังเกตว่า กลองมโหระทึกที่ผลิตในสมัยแรกนั้น ขั้นตอนการหล่ออาจใช้กรรมวิธีเดียวกับการหล่อระฆังซึ่งเป็นการหล่อด้วยพิมพ์  จากนั้นนำส่วนต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันจนเป็นกลองมโหระทึกที่สมบูรณ์  ส่วนกลองมโหระทึกที่ผลิตในสมัยหลัง อาจใช้กรรมวิธีแทนที่โลหะด้วยขี้ผึ้ง ทำให้ลักษณะ  ลวดลาย  และรูปทรงของกลองมโหระทึกในรุ่นหลังนั้นมีความประณีตขึ้น



กลองมโหระทึก นับเป็นร่องรอยภูมิปัญญาแห่งประวัติศาสตร์ จากภูมิภาคสู่ภูมิภาค  แสดงให้เห็นถึงการรับเอาวัฒนธรรมและความสามารถด้านศิลปกรรมของมนุษย์ในสมัยนั้น ปรับประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมของตน และยังแสดงถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยมา


______________________________________


เอาล่ะ เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ได้รับความรู้กันไปเต็มอิ่มเลยใช่ไหมล่ะคะ  ด้วยวิชาการที่แน่นเอี๊ยดเพิ่มความรู้ด้านโบราณคดีให้กับทุกท่าน  ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านตามสมควรนะคะ  เจอกันใหม่บล็อกหน้า (?) ลาไปก่อน สวัสดีค่าาา 🙏👋❤


* จิ้มลิงก์ ๆ *




ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=YkR0duBNUcA



อ้างอิง

ชลิต ชัยครรชิต. (2540). โบราณคดีเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 2.
       ขอนแก่น : ภาควิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดี มหาวิทยาลัย
       ขอนแก่น.

____. (2555). กลองมโหระทึก กลองโบราณคู่เมืองมุกดาหาร.
        
แหล่งที่มา 
http://www.travel2mukdahan.com/2012/12/ma-ho-
        ra-turk-drums-greatly.html. 19 มีนาคม 2561.

Janthima. (2556). กลองมโหระทึกแหล่งที่มา
       https://janthimablog.wordpress.com/category/โบราณวัตถุสมัย
       ก่อนประว/กลองมโหระทึก/.
 19  มีนาคม 2561.
____. (___). กลองมโหระทึกแหล่งที่มา       
 htpp
://www.virtualmuseum.finearts.go.th/royalbarges/index.php/th/hilight/51-กลองมโหระทึก-bronze-drum.html. 19  มีนาคม 2561.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น